การคำนวณอายุครรภ์ คือการนับอายุทารกที่อยู่ในครรภ์ คุณแม่ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการนับ อายุครรภ์ เป็นเดือน...
มีคุณแม่ท้องแฝดมากมายเป็นกังวลกับความสามารถใน การให้นมลูก หลังคลอด...
เผลอเดี๋ยวเดียวเวลาก็ผ่านไปครึ่งปีแล้วนับจากวันที่ลูกน้อยลืมตาขึ้นดูโลก แม้คุณแม่จะตั้งอกตั้งใจดูแลลูกรักให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน...
สามารถถีบจักรยานและใช้ขาประคองจักรยานได้มั่นคง นิ้วมือและฝ่าเท้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยว่า ทำไมในกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองถึงไม่ค่อยคุยกันเรื่องอาหารการกินของลูกๆ มากนักทั้งๆ...
เมื่อลูกน้อยลืมตาดูโลก ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับลูก ทุกอย่างต้องคัดสรรมาอย่างดีที่สุด คุณแม่ต้องพิถีพิถัน เลือกแล้วเลือกอีก...
บทความนี้ถูกบันทึกลงในรายการบทความที่ฉันชื่นชอบ คุณสามารถเข้าไปดูบทความที่คุณบันทึกไว้ได้ที่โปรไฟล์ของฉัน
โรคอีสุกอีใส ถือเป็นโรคที่เกิดได้ทุกช่วงวัยเลยนะคะ โดยเกิดจากเชื้อไวรัสวาริเซลลาที่ทำให้เกิดตุ่มน้ำพองทั่วร่างกาย และจะทำให้เกิดปัญหามากหากเกิดในช่วงที่คุณแม่ตั้งครรภ์ ซึ่งหากคุณแม่ตั้งครรภ์เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนแล้ว โอกาสที่คุณแม่จะเป็นซ้ำอีกจะน้อยมาก ๆ เนื่องจากคุณแม่มีภูมิต้านทานต่อเชื้อแล้ว หลังจากที่คุณแม่เป็นอีสุกอีใสครั้งแรก ร่างกายของคุณแม่จะผลิตแอนติบอดี ซึ่งเป็นโปรตีนในระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้สามารถตรวจจับเชื้อไวรัสนี้ได้ ทำให้คุณแม่ไม่มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้อีกค่ะ แต่หากคุณแม่เป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเป็นอีสุกอีใสครั้งที่ 2 โดยเฉพาะในช่วงตั้งครรภ์ ก็อาจทำให้ลูกน้อยในครรภ์ได้รับอันตรายได้ค่ะ สำหรับการเป็นอีสุกอีใสจะส่งผลค่อนข้างร้ายแรง เนื่องจากทำให้คุณแม่ไวต่อเชื้อโรคบางอย่าง เช่น โรคปอดบวม ซึ่งการเป็นอีสุกอีใสทำให้เด็กมีความเสี่ยง โดยหากคุณแม่ได้รับเชื้อช่วง 20 สัปดาห์แรกของการตั้งครรภ์ เด็กจะเกิดการพัฒนาการของอวัยวะผิดปกติหรือเรียกว่า Fetal Varicella Syndrome ซึ่งจะมีอาการแทรกซ้อนหลายอย่าง เช่น มีแผลตามตัว พิการในการมองเห็น แขนและขาพัฒนาไม่สมบูรณ์ สมองพิการตั้งแต่ระดับเล็กน้อยถึงมากและทำให้เกิด ภาวะคลอดก่อนกำหนด ได้ค่ะ สำหรับคุณแม่ท่านใดที่คิดว่าติดเชื้อไวรัสนี้ระหว่าง การตั้งครรภ์ ควรรีบแจ้งแพทย์ที่ฝากครรภ์โดยด่วน เพื่อความปลอดภัยของลูกน้อย ทั้งนี้ หากคุณแม่ไม่มั่นใจว่าเคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อนหรือไม่ ควรหลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้กับคนที่คาดว่าน่าจะเป็นอีสุกอีใสจะดีกว่าค่ะ
โรคอีสุกอีใสจะแสดงอาการเหมือนกันไม่ว่าขณะตั้งครรภ์หรือไม่ตั้งครรภ์ นั่นคือ การเกิดตุ่มคัน ซึ่งอาจมีเลือดออกหรือไม่ก็ได้ หายใจติดขัด เจ็บที่หน้าอก อ่อนเพลีย คลื่นไส้อาเจียนรุนแรง มีไข้สูง มีเลือดออกทางช่องคลอด ซึ่งอาการเลือดออกทางช่องคลอดถือเป็นสัญญาณอันตรายมาก คุณแม่จึงต้องรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุดค่ะ และเมื่อโรคอีสุกอีใสระหว่างตั้งครรภ์ส่งผลเสียต่อคุณแม่และลูกน้อยมากขนาดนี้ เพราะฉะนั้นคุณแม่ต้องระวังตัวเองอย่างยิ่งในการอยู่ในที่ชุมชนที่มีความเสี่ยงต่อการได้รับเชื้อไวรัสอีสุกอีใสนะคะ
หากคุณแม่มีไข้ควรใช้ยาพาราเซตามอลในขนาดต่ำที่สุด เพื่อบรรเทาอาการไข้ สามารถทายาคาลาไมน์โลชั่นแก้คัน โดยแต้มบริเวณที่เป็นตุ่มคัน ดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนให้มาก แพทย์อาจเลือกสั่งยาชนิดที่เหมาะสมกับคุณแม่ เนื่องจากต้องเลือกใช้ยาให้เหมาะกับระยะการตั้งครรภ์ VZIG เป็นอิมมูโนโกลบูลิน ซึ่งเป็นแอนติบอดีต่อเชื้อไวรัสอีสุกอีใส เมื่อฉีดเข้าร่างกายจะทำให้คุณแม่ได้รับภูมิต้านทานสูงขึ้นทันที โดยไม่เป็นอันตรายอีกด้วยนะคะ ยาต้านเชื้อไวรัสที่ชื่อว่าอะไซโคเวีย เป็นตัวเลือกหนึ่งที่สามารถลดความรุนแรงของโรคได้ หากเป็นในช่วง 24 ชั่วโมงแรก แต่หากคุณแม่อยู่ในช่วงของการตั้งครรภ์ การใช้อะไซโคเวียในช่วงตั้งครรภ์ไตรมาสแรก หรือช่วง 1-3 เดือนแรก ยานี้อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด เพราะอาจส่งผลกระทบต่อพัฒนาการเด็ก ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ก่อนว่าควรเลือกใช้ยาอะไรดี เพื่อให้ได้ยาที่ปลอดภัยที่สุดต่อเด็กในท้อง การได้รับวัคซีนต่อต้านเชื้อไวรัสอีสุกอีใส ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยกรณียังไม่ตั้งครรภ์ แต่หากตั้งครรภ์แล้ว แพทย์ต้องเช็คก่อนว่าร่างกายคุณแม่นั้นมีการตอบสนองต่อเชื้อนี้มากน้อยอย่างไร โดยใช้วิธีทดสอบทางเลือดนั่นเองค่ะ การได้รับภูมิจาก VZIG ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุด สำหรับกรณีที่คุณแม่ได้สัมผัสเชื้อเข้าร่างกายไปแล้ว เพราะฉะนั้นควรรีบพบแพทย์ในทันทีค่ะ
การเป็นอีสุกอีใสนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นครั้งเดียวในชีวิต ยกเว้นกรณีที่การติดเชื้อครั้งแรกมีอาการน้อย ทำให้ภูมิต้านทานในร่างกายที่สร้างขึ้นมาต่อต้านเชื้อไวรัสชนิดนี้มีปริมาณน้อยเกินกว่าที่จะปกป้องร่างกายไปได้ตลอดชีวิตได้ค่ะ ปัจจุบันเรามีวัคซีนที่ฉีดให้กับคนที่ต้องการป้องกันโรคนี้ โดยจะฉีดด้วยกันทั้งสิ้น 2 ครั้ง ห่างกันประมาณ 4-8 สัปดาห์ กรณีที่เป็นอีสุกอีใสแล้ว เชื้อนี้จะซ่อนอยู่ในปมประสาทร่างกาย ซึ่งจะแสดงอาการออกมาหากร่างกายอ่อนแอ โดยแสดงออกมาในรูปแบบโรคงูสวัด ซึ่งปัจจุบันก็มีวัคซีนสำหรับฉีดป้องกันงูสวัด โดยใช้ฉีดในผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป เนื่องจากเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ภูมิต้านทานต่ำ เป็นโรคมะเร็ง หรือใช้ยาในการกดภูมิรักษาโรคต่าง ๆ
คุณแม่กำลังตั้งครรภ์สามารถติดตามอ่านข้อมูลเกี่ยวกับโรคอื่นๆในระหว่างตั้งครรภ์ได้ที่ โรคอิสุกอีใสในช่วงตั้งครรภ์ และ โรคเบาหวานในระหว่างตั้งครรภ์ รวมถึงทำความเข้าใจในหัวข้ออื่น ๆ เพิ่มเติมจากเว็บไซต์ Huggies หากมีคำถามหรือข้อสงสัยเพิ่มเติม สามารถพูดคุยกับเราได้ที่ Facebook Huggies Thailand และอย่าลืม! กด สมัครสมาชิก เพื่อรับสินค้าทดลอง พร้อมรอรับข่าวสารและอัพเดตเทคนิคดี ๆ จากเรานะคะ
การคำนวณอายุครรภ์ คือการนับอายุทารกที่อยู่ในครรภ์ คุณแม่ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการนับ อายุครรภ์ เป็นเดือน เรามีวิธีคำนวณอายุครรภ์อย่างถูกต้องมาฝากค่ะ
ช่วงตั้งครรภ์ 2 สัปดาห์ คุณแม่ยังไม่ควรตื่นเต้นมากจนเกินไป เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นเท่านั้นเอง มาดูกันค่ะว่าคุณแม่ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง
การที่ลูกของคุณเติบโตขึ้น คุณเริ่มรู้สึกสบายใจที่จะซื้อสินค้าเดิมซ้ำแล้วซ้ำอีก ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์อาบน้ำจนถึงผลิตภัณฑ์ซักผ้าสูตรอ่อนละมุน ซึ่งกลายเป็นส่วนหนึ่งในรายชื่อสิ่งของที่ต้องซื้อเข้าบ้าน (หลังจากคุณเพียรคัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้าตัวเล็ก)
การตั้งครรภ์นับเป็นเรื่องมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ซึ่งคุณแม่แต่ละท่านมักมีประสบการณ์ที่ไม่เหมือนกัน คุณแม่บางท่านมีประสบการณ์ที่ดี และไม่ดีมาดูกันค่ะมีอะไรบ้าง
เครื่องดื่มคาเฟอีนเป็นเครื่องดื่มประจำวันของผู้หญิงหลายคน ไม่น่าแปลกที่จะรู้สึกกังวลเมื่อมีคำแนะนำให้เลิกดื่มกาแฟระหว่างตั้งครรภ์ เรามีคำแนะนำมาฝากค่ะ
ปัญหาท้องผูกในระหว่างตั้งครรภ์ นับเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในคุณแม่ตั้งครรภ์เลยนะคะ แต่กลับกลายเป็นว่าไม่ค่อยมีใครกล้าพูดเรื่องนี้ เรามีคำแนะนำมาฝากค่ะ
เมื่อตั้งครรภ์ได้ 28 สัปดาห์ หรือสัปดาห์แรกของไตรมาสที่ 3 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายแล้วแม้ท้องโตขึ้นมากแต่ไม่ถึงกับอุ้ยอ้าย มาดูการเปลี่ยนแปลงของคุณแม่กันค่ะ
คุณแม่ตั้งครรภ์คนไหนอยากช่วยส่งเสริมพัฒนาการทารกในครรภ์ด้วยวิธีง่ายๆ แต่ได้ผล ลองใช้เสียงเพลงดีไหมค่ะ อย่างเพลงสำหรับแม่ท้อง เพลงสำหรับทารกในครรภ์ แม้ว่าจริงๆ แล้วการให้ทารกในครรภ์ฟังเพลงอาจจะไม่ใช่วิธีทำให้ลูกฉลาดตั้งแต่ในครรภ์ แต่เป็นการสร้างพื้นฐานพัฒนาการทารกในครรภ์ โดยเฉพาะพัฒนาการด้านอารมณ์ ทำให้เขาคลอดออกมาร่าเริง เลี้ยงง่าย ซึ่งส่งผลไปถึงมีความพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รอบตัวเพื่อพัฒนาไปสู่ความฉลาดในอนาคตได้นั่นเองค่ะ
พัฒนาการทารกในครรภ์เดือนที่ 1 ช่วงนี้เป็นช่วงที่คุณแม่หลายคนอาจจะเพิ่งทราบว่าตัวเองตั้งครรภ์จากการตรวจการตั้งครรภ์ด้วยตัวเอง และความเปลี่ยนแปลงร่างกายเริ่มแสดงอาการเช่น เจ็บตึงเต้านม ง่วงนอนบ่อยๆ อ่อนเพลีย เป็นต้น แต่ที่แม่ตั้งครรภ์อยากรู้ไปกว่านั้นคือ พัฒนาการทารกในครรภ์จะเป็นอย่างไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ