การคำนวณอายุครรภ์ คือการนับอายุทารกที่อยู่ในครรภ์ คุณแม่ส่วนใหญ่จะคุ้นเคยกับการนับ อายุครรภ์ เป็นเดือน...
มีคุณแม่ท้องแฝดมากมายเป็นกังวลกับความสามารถใน การให้นมลูก หลังคลอด...
เผลอเดี๋ยวเดียวเวลาก็ผ่านไปครึ่งปีแล้วนับจากวันที่ลูกน้อยลืมตาขึ้นดูโลก แม้คุณแม่จะตั้งอกตั้งใจดูแลลูกรักให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน...
สามารถถีบจักรยานและใช้ขาประคองจักรยานได้มั่นคง นิ้วมือและฝ่าเท้าทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยว่า ทำไมในกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองถึงไม่ค่อยคุยกันเรื่องอาหารการกินของลูกๆ มากนักทั้งๆ...
เมื่อลูกน้อยลืมตาดูโลก ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับลูก ทุกอย่างต้องคัดสรรมาอย่างดีที่สุด คุณแม่ต้องพิถีพิถัน เลือกแล้วเลือกอีก...
บทความนี้ถูกบันทึกลงในรายการบทความที่ฉันชื่นชอบ คุณสามารถเข้าไปดูบทความที่คุณบันทึกไว้ได้ที่โปรไฟล์ของฉัน
ในช่วงที่ลูกยังเป็นทารกหรือเป็นเด็กเล็กนั้น ถือว่ามีความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่าย เพราะเด็กในวัยนี้ยังมีภูมิต้านทานไม่มาก บทความนี้เราจึงได้รวบรวม “โรคฮิต” ที่ทำให้เด็กเล็กป่วยได้มากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ รวมถึงแนะนำวิธีป้องกันให้ลูกน้อยห่างไกลจากโรคเหล่านี้ มีอะไรบ้าง มาดูกันเลยค่ะ
1. โรคไข้เลือดออก เป็นโรคสุดฮิตในช่วงฤดูฝนที่มียุงลายเป็นพาหะ เมื่อยุงลายกัดคน เชื้อไวรัสเดงกี่ (Dengue Virus) ที่อยู่ในน้ำลายของยุงจะแพร่เข้าสู่บุคคลนั้นๆ โดย อาการไข้เลือดออก นั้นจะทำให้ผู้ป่วยมีไข้สูงหลายวัน ซึ่งหากเป็นเด็กเล็กหรือทารกที่เป็น ไข้เลือดออก นั้น จะร้องไห้งอแง มีอาการซึมและตัวร้อนจัด ปัสสาวะได้น้อย และอาจมีการอาเจียนร่วมด้วย สำหรับเด็กที่เป็น ไข้เลือดออก อาการ เหล่านี้จะเกิดขึ้นแล้วจึงตามมาด้วยผื่นที่ขึ้นมาตามตัว แต่ที่อันตรายคือกรณีที่ลูกน้อยมีเกล็ดเลือดต่ำจนเกิดอาการแทรกซ้อนจนช็อกได้ โดยปัจจุบันยังไม่มียาที่จะกำจัดเชื้อ ไข้เลือดออก ได้ การป้องกันจึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกน้อยให้ห่างไกลจากโรคนี้ได้ด้วยการลดปริมาณยุงลายที่เป็นพาหะของ โรคไข้เลือดออก ทั้งการกำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย และใช้มุ้งหรือมุ้งลวดกันยุง
2. โรค มือ เท้า ปาก อีกหนึ่งโรคฮิตที่ระบาดในช่วงฤดูฝนหรือช่วงที่มีอากาศเย็นและชื้น เกิดจากไวรัสหลายชนิด ซึ่งสามารถติดต่อกันได้ง่ายมากด้วยการสัมผัส, ผ่านทางน้ำลาย, น้ำมูก, อุจจาระ และน้ำในตุ่มพองของผู้ป่วย สำหรับ อาการมือเท้าปาก จะทำให้มีไข้, ไอ, มีน้ำมูก, เจ็บคอ, น้ำลายไหล มีตุ่มแผลในปากหรือบริเวณลำคอ มีตุ่มแดงหรือเป็นน้ำใส ๆ ที่มือ, เท้า, ตามลำตัว รวมถึงที่บริเวณทวารหนัก นอกจากนี้จะมีการถ่ายเหลวและอาเจียนร่วมด้วย สิ่งที่น่าเป็นห่วงสำหรับ โรค มือ เท้า ปาก ก็คืออาการแทรกซ้อนที่จะเกิดขึ้น เช่น เยื่อบุสมองอักเสบ, สมองอักเสบ, แขนขาอ่อนแรงเฉียบพลัน, น้ำท่วมปอดเฉียบพลัน และภาวะหัวใจวายเฉียบพลัน เป็นต้น แต่ส่วนใหญ่อาการไข้จะหายได้ภายใน 3 วัน แต่ในกรณีของเด็กเล็กที่ป่วยด้วยโรคนี้ อาจไม่สามารถบอกอาการหรือความผิดปกติของตัวเองได้ชัดเจนนัก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องพยายามสังเกตอาการและความผิดปกติของลูกอย่างใกล้ชิด และหากพบว่าลูกมีอาการเหล่านี้ พ่อแม่ต้องรีบพาไปพบแพทย์ทันที - ไข้สูงมากกว่า 39 องศาเซลเซียส นานกว่า 2 วัน - กระสับกระส่าย ร้องกวนตลอดเวลา - อาเจียนบ่อย ๆ แทบจะดื่มนมหรือทานอาหารไม่ได้ - มีอาการซึม, ชัก, แขนขาอ่อนแรง, ไม่รู้สึกตัว, ตัวลาย ซีด และหอบเหนื่อย หากว่าลูกป่วยด้วย โรคมือ เท้า ปาก สิ่งที่พ่อแม่ต้องทำทันทีคือ แยกลูกออกจากเด็กคนอื่น จนกว่าตุ่มหรือผื่นจะแห้งเป็นเวลา 7-10 วัน, ให้ลูกทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย, ใช้ผ้าหรือทิชชู่ปิดปากปิดจมูกขณะไอ และต้องล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังสัมผัสกับลูก สำหรับโรคนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน ดังนั้น วิธีการเลี่ยงไม่ให้เกิดโรคนี้กับลูกน้อยก็คือการ “ป้องกัน” ด้วยการหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกใกล้ชิดกับผู้ป่วย, หมั่นล้างมือบ่อย ๆ , ระมัดระวังและเฝ้าสังเกตอาการของลูกอย่างใกล้ชิดให้มากในช่วงที่มีการระบาด
3. โรคrsv ถือเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ซึ่งดูเผิน ๆ อาการของโรคนี้จะคล้ายกับเป็นไข้หวัดธรรมดา แต่ความจริงแล้ว โรค rsv อาการ รุนแรงกว่ามาก และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โดยโรคrsv จะติดต่อผ่านสารคัดหลั่งในร่างกาย ทั้งน้ำมูก, น้ำลาย, ละอองจากการไอและจาม สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่หากเกิดในเด็กเล็ก อาการ โรค rsv จะรุนแรงมากกว่าคือจะหอบ, เหนื่อย, หายใจลำบาก, หายใจมีเสียงวี้ด, ซึม, ตัวเขียว, กินไม่ได้ และอาจมีอาเจียนร่วมด้วย บางรายที่มีอาการรุนแรง อาจถึงกับหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ หรือหายใจล้มเหลว ซึ่งจะต้องรีบพาไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้ในปัจจุบันยังไม่มียาสำหรับการรักษา โรคrsv โดยตรง แต่แพทย์จะใช้การรักษาตามอาการ เช่น ให้ยาลดไข้, ให้ยาละลายเสมหะ หรือให้ยาพ่นขยายหลอดลม เป็นต้น ทั้งยังไม่มีวัคซีนสำหรับป้องกันโรคนี้โดยเฉพาะ ดังนั้น วิธีการที่ดีที่สุดในการช่วยให้ลูกน้อยห่างไกลจากโรคยอดฮิตสำหรับวัยเด็กนี้ก็คือ การหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกใกล้ชิดกับผู้ป่วยและหมั่นล้างมือบ่อย ๆ และหากว่าลูกป่วยด้วยโรคเหล่านี้ ก็ต้องให้หยุดอยู่บ้านชั่วคราว ไม่ไปนอกบ้านจนกว่าลูกจะหายเป็นปกติ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นนั่นเอง คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันให้ลูกรักห่างไกลจากทั้ง 3 โรคฮิตในเด็กเล็กนี้ได้ ด้วยการดูแลและระมัดระวังการติดโรค ป้องกันความเสี่ยงโดยใช้วิธีที่เหมาะสมกับแต่ละโรค เลือกสร้างเกราะป้องกันให้ลูกด้วยการให้ลูกได้รับวัคซีนอย่างเหมาะสมตามวัย เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ไม่ต้องทุกข์และกังวลใจกับการเจ็บป่วยของลูกน้อยที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะอันเนื่องจากวัยเด็กเล็กยังมีภูมิต้านทานที่ยังไม่มากพอนั่นเอง
คุณพ่อคุณแม่เคยสงสัยว่า ทำไมในกลุ่มพ่อแม่ผู้ปกครองถึงไม่ค่อยคุยกันเรื่องอาหารการกินของลูกๆ มากนักทั้งๆ ที่เรื่องสารอาหารและโภชนาการที่ครบถ้วนเป็นนั้นสำคัญมาก
“วัคซีน”ถือเป็นเกราะป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่ดีที่สุดอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะในกรณีของทารกหรือเด็กเล็กที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันมากพอ เรามีคำแนะนำดีๆ มาฝากค่ะ
คุณพ่อคุณแม่ทุกคนคงเคยเห็นตารางพัฒนาการเด็กแต่ละช่วงวัยที่แปะไว้ในห้องคุณหมอเด็กกันแล้วใช่ไหมคะ ถ้าอยากช่วยให้กล้ามเนื้อของลูกน้อยมีพัฒนาการสมวัย ลองทำกิจกรรมเหล่านี้ดูค่ะ
อาจารย์แพทย์หญิงดวงรัตน์ วังเกล็ดแก้ว
การแข่งขันระหว่างพี่น้องเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นกับทุกครอบครัว แม้มันอาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่รู้สึกหงุดหงิดและทุกข์ใจไปบ้าง แต่มันคือส่วนหนึ่งของชีวิตครอบครัวค่ะ
สำหรับคนเป็นพ่อแม่แล้ว ไม่มีสิ่งใดที่จะสร้างความสุขความชื่นใจให้ได้เท่ากับการที่ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดี ร่าเริง แข็งแรง และเติบโตขึ้นตามวัย
คุณพ่อคุณแม่หลายคนอาจต้องรับมือปัญหาลูกไม่ยอมนอนตอนกลางคืน หรือนอนหลับยาก เรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากด้วย เพื่อให้เด็กน้อยหลับสบายยาวนานตลอดคืน